1. เล่นยิงปืน ยิงธนูของเล่น Nerf
การเล่นปืน nerf ของเด็ก 5 ขวบ ควรจะมีพ่อแม่หรือผู้ใหญ่ดูแลอยู่ด้วย เพราะสามารถเกิดอันตรายกับเด็กๆได้ ถ้าให้เด็กเล่นคนเดียวอาจเกิดอันตรายได้น้อยกว่าเล่นหลายๆคน ถ้าเด็กเล่นกันหลายคน ต้องสอนให้เด็กว่าไม่ควรยิงใส่เด็กคนอื่น
ของเล่นปืน หรือ ธนู ของNerf ถือว่าได้รับความนิยมไม่ใช่เฉพาะแต่ในเด็ก เพราะเป็นของเล่นที่แม้แต่พ่อแม่ที่เล่นกับลูกก็ยังสนุกไปด้วย เลยขอแนะนำว่าถ้าซื้อมาเล่นควรซื้อมาอย่างน้อยสองชิ้นเพื่อที่ พ่อแม่จะสามารถเล่นไปพร้อมๆกับลูกได้ด้วย
ของเล่น Nerf นี้จะฝึกการใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ และการทำงานสัมพันธ์กับสายตา ฝึกการเล็ง การกะระยะ ความแม่นยำ เรียนรู้เรื่องการควบคุมกล้ามเนื้อออกแรงหนักเบา ที่สำคัญมันสนุกมากๆ จนเด็กเล่นไม่ยอมเลิกเลยทีเดียว
2. มอบภารกิจ ทำให้สำเร็จ (ไม่สำเร็จก็ไม่เป็นไรนะ)
เด็ก 5 ขวบ สามารถคิด แก้ปัญหา จดจำ และสามารถทำตามคำสั่งได้มากแล้ว การมอบภารกิจอาจจะไม่ใช่การเล่นโดยตรง แต่บางกิจกรรมก็สามารถทำให้เกิดการเล่นได้ ภารกิจที่สามารถมอบหมายให้เด็ก 5 ขวบ เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการใช้ชีวิตประจำวันเพื่อการอยู่รอด เช่น งานบ้าน ปัด กวาด เช็ด ถู เก็บของเล่นของงตนเอง งานครัว หุงข้าว เตรียมโต๊ะ เตรียมจาน ช้อน ส้อม เช็ดโต๊ะ เก็บโต๊ะ ล้างจานของตัวเอง
โดยในวัย 5 ขวบนี้จะเน้นไปที่การช่วยเหลือตนเองให้ได้ก่อน คือ ดูแลชีวิตตนเอง จานข้าวตนเอง ที่นอนของตัวเด็กเอง การเก็บเสื้อผ้าตนเอง พับเสื้อผ้า เมื่อเด็กทำเรื่องของตนเองได้สำเร็็จดี จึงค่อยๆให้ช่วยเหลืองานของคนอื่นๆในบ้านด้วย
เด็ก 5 ขวบที่สามารถทำอะไรเองได้ประสบคววามสำเร็จในทุกๆวัน จะเกิดความมั่นใจและเป็นพื้นฐานที่ดีของการรับผิดชอบชีวิตตนเองในอนาคต
3. การเล่นดนตรี
เด็ก 5 ขวบ สามารถเรียนรู้และจดจำการเล่นดนตรีได้แล้ว การมีเครื่องดนตรีสักชิ้นในบ้าน ก็จะช่วยให้เด็กคุ้นเคยกับเสียงดนตรี การเปิดเพลงให้เด็กฟังการเต้นตามเพลงก็เป็นพื้นฐานที่ดีเช่นกัน
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มีพื้นฐานการเล่นดนตรี สามารถสอนลูกเล่นแบบง่ายๆ และเพิ่มความยากไปจนเด็กสามารถเล่นเป็นเพลงได้ สำหรับพ่อแม่ที่เล่นดนตรีไม่ได้แต่พอจะมีทุนทรัพย์ ก็สามารถพาลูกไปโรงเรียนสอนดนตรีได้ แต่ถ้าหากเล่นดนตรีไม่ได้ และพ่อแม่ไม่มีทุนทรัพย์พาลูกไปเรียนก็ไม่ต้องน้อยใจไป เพราะการเปิดเพลงให้ลูกฟัง การร้องเพลงไปพร้อมกับลูก การเต้นพร้อมเพลงไปพร้อมกับลูก ก็มีคุณค่าแล้วสำหรับลูก เพราะที่สำคัญกว่าดนตรีคือพ่อแม่สนใจในตัวเด็กๆนั่นเอง
4. เล่นกีฬา
กีฬา ถือเป็นกิจกรรมที่ควรจะเล่นให้เกิดความสนุก และทำให้เด็กแข็งแรง แต่ด้วยปัจจุบันพ่อแม่หลายคนอยากให้ลูกเป็นนักกีฬาที่เก่งระดับโลก จึงเกิดเป็นการกดดันลูก และไม่ทำให้กีฬาเป็นการเล่นที่เกิดความสนุก การเล่นกีฬาจึงไม่ได้ส่งเสริมพัฒนาการเด็กได้ดีเท่าที่ควร
การเล่นกีฬาเพื่อส่งเสริมพัฒนาการของเด็ก ควรเล่นให้เกิดความสนุก สิ่งที่ช่วยให้เด็กพัฒนาได้คือการฝึกฝนอย่างมีวินัย สม่ำเสมอ เด็กจะได้เรียนรู้การรับผิดชอบ การเล่นกีฬาร่วมกับเด็กคนอื่น จะเพิ่มทักษะทางสังคมให้เด็ก เด็กอาจจะมีทะเลาะกันบ้างก็เป็นเรื่องที่ให้เด็กได้แก้ปัญหาร่วมกัน เพื่อเรียนรู้การแก้ไขปัญหานั่นเอง
5. เล่นขว้างบอล
เด็กหลายคนที่พ่อแม่มักบ่นว่าลูกดื้อ ชอบปาสิ่งของ อาจเกิดอาจความเครียด หรือความกดดัน หรือเด็กต้องการระบายสิ่งที่อัดอั้นในใจ แต่เป็นการระบายที่เด็กควบคุมไม่ได้จึงกลายเป็นการปาข้าวของ พ่อแม่ก็ไม่ชอบใจ เด็กก็รู้สึกแย่
ดังนั้น การเล่นขว้างบอล จะเป็นการปลดปล่อยทางอารมณ์ของเด็กอย่างหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องเล่นเบสบอล แต่พ่อแม่อาจจะจัดมุมเล็กๆในบ้านมุมหนึ่ง ที่เด็กสามารถมาปาบอลเขวี้ยงใส่ของที่วางไว้ได้ โดยต้องพูดกับลูกให้เข้าใจว่าพ่อแม่ไม่ชอบให้ลูกปาของ ถ้าหนูจะปาหนูต้องมาปาในจุดที่พ่อแม่เตรียมไว้ให้เท่านั้น
การปาบอลอาจจะไม่ได้ส่งเสริมพัฒนาการด้านอื่นๆมากนัก แต่จะทำให้เด็กสบายใจและเรียนรู้ มีพัฒนาการด้านอื่นๆได้ดีมากขึ้น
